งานวิจัยเผยแผ่พุทธศาสนาในอนาคตด้วย IT
วันที่ 20 พฤษภาคม 2566 พระครูสมุห์สนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร. ได้เปิดเผยว่า ได้นำเสนอผลงานวิจัยดุษฎีนิพนธ์ หัวข้อ “อนาคตภาพการขับเคลื่อนเครือข่ายองค์กรพุทธนานาชาติเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน” (THE SCENARIO OF INTERNATIONAL BUDDHIST ORGANIZATION NETWORK’S MOTION FOR THE SUSTAINABLE PROPAGATION OF BUDDHISM) ที่ มจร. วังน้อย จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 โดยมี พระเดชพระคุณพระธรรมวัชรบัณฑิต, ศ. ดร. เป็นประธานกรรมการ และ ผศ. ดร.ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ เป็นกรรมการควบคุมดุษฎีนิพนธ์ และมีกรรมการคุมสอบป้องกันดุษฏีนิพนธ์ มีพระเดชพระคุณพระเมธาวินัยรส, รศ.ดร. เป็นประธานกรรมการ, ศ.ร.ท.ดร.บรรณจบ บรรณรุจิ และ แม่ชี ดร.นฤมล จิวัฒนาสุข เป็นกรรมการสอบ
ดุษฎีนิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพบริบท ปัญหาและปัจจัยที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาขององค์กรพุทธนานาชาติ ใน 10 ปี ข้างหน้า (พ.ศ. 2566-2575) และแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และวิเคราะห์หลักพุทธสันติวิธีที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาขององค์กรพุทธนานาชาติ เพื่อนำเสนออนาคตภาพการขับเคลื่อนเครือข่ายองค์กรพุทธนานาชาติเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน ใช้เทคนิคการวิจัยอนาคตแบบ EDFR (Ethnographic Delphi Futures Research) เป็นเทคนิควิจัยเชิงอนาคต กลุ่มผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้เชี่ยวชาญองค์กรพุทธนานาชาติ ในประเทศไทย 6 ท่าน องค์กรพุทธนานาชาติ ในต่างประเทศ 12 ท่าน และคณะกรรมการมหาเถรสมาคมแต่ละประเทศ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา 7 รูป/คน รวมผู้เชี่ยวชาญที่ให้ข้อมูล จำนวน 25 รูป/คน
ผลการศึกษาพบว่า การขับเคลื่อนเครือข่ายองค์กรพุทธนานาชาติ เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืนในอนาคตนั้น มีองค์ประกอบ 8 ฉากทัศน์ 40 แนวโน้ม ได้แก่ 1.กำหนดวิสัยทัศน์เผยแผ่เชิงรุก (Vision & Mission), 2.ใช้หลักธรรมเพื่อเผยแผ่เชิงรุก (Dhamma Cultivation), 3.เผยแผ่สอดคล้องบริบททางสังคม (Engage Buddhism), 4.พัฒนาสันติภายใน (Inner Peace), 5.พัฒนาจิตสำนึกและศักยภาพบุคลากร (Soul Development), 6.นวัตกรรมสื่อสารและเทคโนโลยี (Innovation & Communication), 7.ความร่วมมือเครือข่ายองค์กรพุทธ (Network Collaboration), และ 8.พัฒนาองค์กรเครือข่าย (Organization Development) โดยสรุปเป็นองค์ความรู้จากการวิจัยได้เป็น “Visioned of Buddhist Scenario”
พระครูสมุห์สนิทวงศ์ กล่าวว่า “ขอกราบขอบพระคุณคณะกรรมการบริหารงานวัดพระธรรมกาย ที่อนุมัติให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอก และขอกราบขอบพระคุณหลักสูตรสันติศึกษา มจร. ที่เปิดรับให้เข้ามาศึกษาดังกล่าว ทำให้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และทำผลงานวิจัย ทั้งนี้ได้มีโอกาสศึกษาสภาพการณ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในปัจจุบัน พบว่าจำนวนพระภิกษุสามเณร ลดลงจาก 3.3 แสน ในปี 2561 เหลือ 2.5 แสน ในปี 2563 ประกอบกับภัยศาสนาที่เจอทั้งข่าวร้าย (Bad News) และข่าวเท็จ (Fake News) รวมทั้งสถานการณ์โลกที่ต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ ภัยสงคราม" ภัยธรรมชาติ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ กระทบต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งโลก ให้ชะลอตัว หรือหยุดชะงัก” และในอนาคตองค์กรพุทธของแต่ละประเทศ จะทำงานเผยแผ่เชิงรุกมีแนวโน้มเป็นอย่างไร”
“จากการสัมภาษณ์เชิงลึกและเก็บข้อมูล กับผู้เชี่ยวชาญพระพุทธศาสนาและผู้บริหารองค์กรพุทธ ทั้งมหายาน วัชรยาน และเถรวาท จำนวน 25 รูป/คน จาก 13 ประเทศ โดยใช้เทคนิควิจัยเชิงอนาคต EDFR พบว่า องค์กรพุทธฯต้องมีวิสัยทัศน์ในการเผยแผ่เชิงรุกร่วมกัน ดำเนินตามหลักโอวาทปาติโมกข์ อปริหานิยธรรม เมตตา กรุณา ให้อภัย สามัคคีทำงานเครือข่ายเป็นทีม เรียกว่า “ทีมพระพุทธศาสนา” โดยคำนึงบริบททางสังคม “รู้ร้อนรู้หนาวกับโลก” ใช้ธรรมะแก้ปัญหาชีวิตประจำวันได้ พูดภาษาเดียวกับเขา และพัฒนาบุคคลากร ทั้งศึกษาและปฏิบัติ พัฒนาศักยภาพด้านภาษา เทคโนโลยี IT ใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมในการเผยแผ่ เพื่อให้ตนเองเกิดสันติภายใน และสามารถนำธรรมะของพระพุทธเจ้าไปสู่ใจชาวโลก สอดคล้องกับคำขวัญที่ว่า “สันติภาพภายนอก เริ่มต้นจากสันติสุขภายใน” หรือ World Peace through Inner Peace นั่นเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ พระพุทธศาสนาก็ยังคงที่พึ่งให้กับชาวโลกต่อไปได้”
พระเดชพระคุณพระเมธาวินัยรส กรรมการคุมสอบกล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ ผู้วิจัยทุ่มเทตั้งใจในการทำอย่างดี ขอชื่นชมและขอเชิดชูผลงานนี้เป็นประโยชน์กับพระพุทธศาสนา ด้าน ศ.ร.ท.ดร.บรรณจบ บรรณรุจิ กรรมการคุมสอบดุษฏีนิพนธ์ กล่าวชื่นชมงานดุษฎีนิพนธ์นี้ว่า ทำด้วยความวิริยะอุตสาหะ ตัวผู้วิจัยถือว่าเป็นจุดแข็งในการวิจัยสามารถประสานเครือข่ายต่างๆ ได้ ผลวิจัยสามารถทำให้องค์กรพุทธสามารถทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย ทั้งในและต่างประเทศ และจะเป็นแรงบันดาลให้วัดต่างๆ ทำงานเผยแผ่เชิงรุกเช่นเดียวกัน และ ผศ. ดร.ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ กรรมการควบคุมดุษฎีนิพนธ์ กล่าวว่า งานดุษฎีนิพนธ์นี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของหลักสูตร เนื่องจากพระครูสมุห์สนิทวงศ์ เป็นนิสิตตั้งแต่ปริญญาโทของสันติศึกษา และมาต่อยอดศึกษาในระดับปริญญาเอก เป็นนิสิตที่สามารถปรับตัวและขยายโลกทัศน์ของตนเอง เพื่อรองรับสิ่งใหม่ๆ สำหรับดุษฎีนิพนธ์ หัวข้อ อนาคตภาพการเผยแผ่ฯ ถือเป็นแนวโน้มและแนวทางความร่วมมือของเครืออข่ายองค์กรที่ทำงานเชิงรุกเพื่องานเผยแผ่อย่างมีนัยสำคัญต่อวงการพระพุทธศาสนา.
เรียบเรียงข่าวโดย อนุธิดา ศิริบำรุง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น