สร้างนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง
9 ราชมงคลผนึกกำลังร่วมภาคประกอบการสร้างนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง
วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 9 ราชมงคล กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
(มทร.) จัดใหญ่ โชว์ความสำเร็จด้านการพัฒนากำลังคนจากการคัดเลือก บ่มเพาะ
และเคลื่อนย้ายกำลังคนไปทำงานร่วมกับสถานประกอบการเพื่อการพัฒนานวัตกรรม ในงาน
“มหกรรมนวัตกรรมการทำงานของกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลร่วมกับภาคประกอบการ
ครั้งที่ 2” ณ โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
(ทปอ.มทร.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี)
เป็นประธานเปิดงานมหกรรมนวัตกรรมการทำงานของกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลร่วมกับภาคประกอบการ
ครั้งที่ 2 (The 2nd RMUT-TRM Day) ที่จัดขึ้นในวันที่ 25 – 26 ก.ค. 2566 ณ โรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ รังสิต
โดยมีนายกสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี รองอธิการบดี
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9
ผู้แทนหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา
การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม ผู้แทนสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
และนวัตกรรมแห่งชาติ สถานประกอบการ และนักวิจัยผู้มีศักยภาพของกลุ่ม มทร.
เข้าร่วมงานกว่า 300 คน
รศ.ดร.สมหมาย เผยว่า งานมหกรรมนวัตกรรมฯ
ครั้งที่ 2 RMUT-TRM DAY เป็นงานแสดงผลผลิตและนวัตกรรม
การทำงานร่วมระหว่างนักวิจัยของ มทร. และสถานประกอบการ
ดำเนินการภายใต้แพลตฟอร์มบริหารจัดการทรัพยากร ผู้มีศักยภาพของกลุ่ม มทร.
เพื่อปฏิรูประบบการพัฒนากำลังคนของประเทศ หรือ TRM-PLUS ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน
และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.)
ซึ่งก่อนหน้านั้น สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมแห่งชาติ
(สอวช.) ได้ผลักดันนโยบาย “ONE RMUT” ของ มทร.
จึงเกิดแนวคิดในการพลิกโฉมกลุ่มมหาวิทยาลัย สร้างกลไกใหม่ของการบริหารจัดการทุนวิจัยร่วมกันของคณะกรรมการร่วมจากทั้ง
9 มทร. ภายใต้การกำกับของ ทปอ. มทร.
ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง
สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการทุกระดับ
ภาพรวมทั้งหมดมีอาจารย์ นักวิจัยจากกลุ่ม มทร. 418 คน ไปทำงานร่วมกับสถานประกอบการ
135 แห่ง เปิดโอกาสให้นักศึกษา 255 คน
ได้เรียนรู้และฝึกทักษะจากปัญหาและความต้องการจริงของสถานประกอบการ
มีการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ในสถาบันอาชีวศึกษา 74 คน
รวมถึงมีนักวิจัยชาวต่างชาติร่วมถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศสู่สถานประกอบการไทย
11 คน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และวัสดุต้นแบบ ปรับปรุงระบบบริหารจัดการธุรกิจและอุตสาหกรรม
ปรับปรุงและพัฒนาเครื่องจักรและสร้างเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิต
ปรับปรุงมาตรฐานการผลิตและผลิตภัณฑ์
และสร้างโอกาสทางแข่งขันเชิงพานิชย์ร่วมกับนักวิจัยชาวต่างชาติ ในสาขาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรม
12 S-curves ได้แก่
การพัฒนาการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร ยานยนต์สมัยใหม่
อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ดิจิทัล
และการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
สำหรับงานแสดงผลผลิตและนวัตกรรมการทำงานร่วมระหว่างนักวิจัยของ มทร.
และสถานประกอบการ ดำเนินการภายใต้แพลตฟอร์มบริหารจัดการทรัพยากร
ผู้มีศักยภาพของกลุ่ม มทร. เพื่อปฏิรูประบบการพัฒนากำลังคนของประเทศ หรือ TRM-PLUS มีกำลังคนผู้มีศักยภาพที่ทำงานร่วมกับสถานประกอบการทั้งสิ้น
769 คน จัดแพ็คเกจการทำงานร่วมเป็น 3 รูปแบบ รวม 145 โครงการ คือ Basic-package
หรือ TMB จำนวน 33 โครงการ
อาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของนักวิจัยพี่เลี้ยงเพื่อบ่มเพาะนักวิจัยรุ่นใหม่
ในการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนไม่มากนัก Impact-package หรือ TMI จำนวน 102 โครงการ มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของนักวิจัยรุ่นกลาง
ในการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคและการผลิตขั้นสูง สร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่
ให้แก่สถานประกอบการ
รวมถึงบ่มเพาะบุคลากรในสถานประกอบการให้มีทักษะด้านการวิจัยและพัฒนา High-impact-package
หรือ TMH จำนวน 10 โครงการ
มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติ
ยกระดับศักยภาพของนักวิจัยที่มีประสบการณ์สูง และสถานประกอบการที่มีความพร้อม
เพื่อการแข่งขันเชิงพานิชย์ระดับสากล
ทั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จของระบบการบริหารจัดการทุนวิจัยแนวใหม่
ในการคัดเลือก บ่มเพาะ และเคลื่อนย้ายกำลังคนจากสถาบันการศึกษาไปทำงานร่วมกับสถานประกอบการเพื่อการพัฒนานวัตกรรม
การดำเนินการที่ผ่านมากว่า 2 ปี ทำให้เกิดการขยายโอกาสการทำงานไปยังเครือข่ายการจัดการศึกษาการในระดับอาชีวศึกษา
รวมถึงมหาวิทยาลัยและสถานประกอบการเครือข่ายในต่างประเทศ และส่งผลกระทบเชิงพวกทำให้สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า
10% ลดต้นทุนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศตั้งแต่ 50-90%
เพิ่มโอกาสและพัฒนาแนวคิดธุรกิจฐานนวัตกรรมแก่วิสาหกิจชุมชน
และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจ SML มากกว่า 280 แห่ง
มูลค่าการลงทุนจากภาคเอกชนในแพลตฟอร์ม เพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 28%
ซึ่งเป็นการยกระดับกลุ่ม มทร. ให้ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน
และสร้างโอกาสให้แก่สถานประกอบการไทย ไปสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้น.
ข่าว วี ธีทัต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น