ผูกข้อมือเรียกขวัญ
ชาวกะเหรี่ยงร่วมแต่งกายชุดพื้นเมืองในงานผูกข้อมือประจำปี
เรียกขวัญกำลังใจชาติพันธุ์
วันที่
20 สิงหาคม 2566 ที่วัดประยูรธรรมาราม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ชาวกะเหรี่ยงในชุดพื้นเมืองกว่าพันคน
เข้าร่วมพิธีผูกข้อมือประจำปี 2566 โดยมีชาวกะเหรี่ยงส่วนมากอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่มาทำงานและเรียนหนังสือในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ข้างเคียงเข้ามาร่วมงาน
ในปีนี้ ชาวกะเหรี่ยงได้รับความเมตตาจาก
หลวงพ่อพระราชสุทธิ ธรรมมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดประยูรธรรมาราม
ที่เมตตาสถานที่ให้ภายในวัด เพื่อที่จะได้เดินทางมากันสะดวก
สำหรับชาวกะเหรี่ยงที่เดินทางมานั้นก็จะมาจากตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และย่านสมุทรปราการ
เมื่อถึงเวลานิมนต์คณะสงฆ์สวดเจริญพุทธมนต์ให้กับชาวกะเหรี่ยงพร้อมถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์หลังจากนั้นพระภิกษุสงฆ์ให้พรเสร็จก็รับโอวาทจาก
หลวงพ่อพระราชสุทธิธรรมมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
พร้อมกับแจกสายสิน
สีแดงและสีขาวเพื่อผูกข้อมือเรียกขวัญให้กับชาวกะเหรี่ยงเป็นอันเสร็จพิธี
โดยในครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต ดูแลรักษาความปลอดภัย
สำหรับงานผูกข้อมือเรียกขวัญของชาวกะเหรี่ยง
เป็นประเพณียิ่งใหญ่เสริมสิริมงคลที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ พิธีเริ่มจากขบวนแห่ถาดบรรจุอุปกรณ์การผูกข้อมือโดยหนุ่มสาว
7 คู่ ซึ่งชาวกะเหรี่ยงถือว่าเลข 7 เป็นเลขมงคล เข้ามาวางให้ผู้ใหญ่ชายหญิง 7
คู่เช่นเดียวกันเป็นผู้เรียกขวัญและผูกข้อมือให้
จากนั้นผู้มาร่วมงานจะทยอยมาให้ผู้ใหญ่ผูกข้อมือให้ แล้วผูกข้อมือเรียกขวัญให้กันและกันเอง โดยอุปกรณ์ในการเรียกขวัญและผูกข้อมือในถาด
ประกอบด้วย ไม้หรือทัพพีตักข้าว ไว้สำหรับเคาะเรียกขวัญให้กลับมา
ด้ายสีขาวสำหรับผูกข้อมือ ข้าว อ้อย กล้วย และน้ำ
ซึ่งเป็นอาหารสำหรับให้ขวัญได้กินอิ่มแล้วกลับมาคุ้มครองตัวคน ทั้งนี้ประเพณีการผูกข้อมือเรียกขวัญยังทำให้คนในครอบครัว
ในชุมชน ที่ห่างบ้านเกิดมาทำงานหรือเรียนหนังสือในเมือง ได้กลับมาพบปะกัน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แสดงถึงความสัมพันธ์ของผู้คนกับชุมชน เป็นการแสดงออกเชิงวัฒนธรรมและเป็นเครื่องสะท้อนถึงการมีอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ท่ามกลางกระแสสังคมที่เปลี่ยนไป
ประเทศไทยถือว่าชาวกะเหรี่ยงเป็นชนเผ่าพื้นเมืองของประเทศ บางส่วนหลั่งไหลมาจากประเทศเพื่อนบ้าน.
ข่าว ขุนพล
ไพโรจน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น